ตอนที่ 182 : พระพุทธศาสนาขาลง

         อาตมาเชื่อว่าท่านทั้งหลายคงเข้าใจความหมายของชื่อเรื่อง “พระพุทธศาสนาขาลง” เมื่อมองดูพระพุทธศาสนาในประเทศไทย มีหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์และฆราวาส ที่แสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาในบ้านเราอยู่ในยุคขาลง เช่น เรื่องเชื่อมจิต (อย่าไปโทษเด็ก) ลัทธิทรงเจ้าเข้าผีที่มีเกลื่อนทั่วประเทศ แล้วก็มีพระสงฆ์รับกิจนิมนต์ไปร่วมในงานแบบนี้ด้วย มีการสร้างวัตถุมงคลประหลาด ๆ ที่มีพระสงฆ์ทั้งที่มีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียงไปร่วม อีกทั้งมีการสร้างรูปยักษ์ใหญ่โตกว่าพระพุทธรูป รูปปั้นยักษ์ใหญ่กว่าพระประธานในโบสถ์ในวิหาร มีพระสงฆ์มากมายที่ไม่อยู่ในธรรมวินัย ไม่ศึกษาพระไตรปิฎกแต่หมกมุ่นกับสื่อโซเชียล ฯลฯ 

         เราไม่มีการส่งเสริมการไหว้พระ การสวดมนต์ การฟังเทศน์ เรานิยมแต่การปลุกเสกวัตถุมงคลของขลัง ปัจจุบันนี้มีวัดจำนวนไม่น้อยที่เอาฤาษีมานั่งปลุกเสก รอบนี้เป็นรอบของฤาษีที่ดูสารรูปและการแต่งกายก็ไม่รู้ว่ามากันจากที่ไหนบ้าง ยังมีผีแม่หม้าย ผีประจำภูมิภาค มีวัตถุมงคลแปลกประหลาดกันอีกหลายรูปแบบ 

         เมื่อตอนหัวค่ำวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๗ ได้ทราบมาว่ามีพระคณาจารย์รูปหนึ่งจะสร้างพระ (อาตมาขอไม่เอ่ยชื่อของท่าน) และประกาศขอรับบริจาควัตถุมงคลเก่า ๆ เพื่อนำไปใช้ในการสร้างพระเครื่องครั้งนี้ มีคนร่วมบริจาคไปแล้วหลายราย อาตมาสงสังว่าเขาไม่มั่นใจในพระที่สร้างหรือไงจึงต้องขอรับบริจาควัตถุมงคลเก่า ๆ เอาไปใช้ในการสร้าง ไม่มั่นใจหรือว่าสร้างมาแล้วจะดีจริง และไม่รู้ว่าจะสร้างพระเป็นโลหะหรือพระเป็นเนื้อผง เอาสมเด็จวัดระฆังเก่า ๆ บิ่น ๆ ที่บิ่นจนรูปร่างไม่ขึ้นแล้ว จะรับรองได้อย่างไรว่าเป็นของจริง ขอถามจริง ๆ เถอะว่าเสกกันเองไม่ได้หรือไง ถ้าแน่จริงก็เสกตะกรุดสิ ตะกรุดองค์เดียว ท่านผู้อ่านจำไว้นะว่า “เมตตา แคล้วคลาด คงกระพัน” ม้วนเข้าหากัน ให้พกติดตัวไป ถ้าแน่จริงอย่ามวยหมู่ ถ้าขอรับบริจาคก็อย่าสร้างดีกว่า แล้วพวกเหรียญพวกที่อะไรขอรับบริจาคก็ไปหาซื้อได้ที่ท่าพระจันทร์หรือที่วัดราชนัดดา

         อีกเรื่องที่น่าอนาถใจมากคือเรื่องพระธาตุเลือดของหลวงพ่อคูณ เลือดเป็นพระธาตุไม่ได้ เลือดไม่เป็นพระธาตุ ฝุ่นผงจากร่างกายเป็นแค่อังคาร กระดูกเป็นอัฏฐิ นอกนั้นมันย่อยสลาย ดิน น้ำ ลม ไฟ ลมไม่เป็นพระบรมสารีริกธาตุ น้ำไม่เป็น ไฟไม่เป็น เหลือแต่ธาตุดิน พูดกันได้ยังไงว่าเลือดของหลวงพ่อคูณเป็นพระธาตุ มันคือการโกหก ใครจะเชื่อก็เชื่อ ท่านศรัทธาหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อคูณท่านเคยทำอย่างนี้ไหม ท่านสั่งให้ย่อยสลายธาตุของท่านไปแล้วโยนทิ้งแม่น้ำโขง เพราะท่านไม่ต้องการให้คนเอาท่านมาหากิน แล้วอยู่ดี ๆ โผล่มาได้อย่างไร ใครหลอก ? ใครโง่ ? มันต้องมีคนหลอกกับคนโง่ มีคนโลภ คนหลอก คนโง่ เฉพาะวัตถุมงคลในประเทศไทยที่ทำกัน คนเขาโกงกันมากมาย อ่านที่อาตมาเขียนแล้ว ผู้สร้างโกรธได้ ผู้เช่าโกรธได้ ก็ไม่เป็นไร แต่อาตมาขอบอกว่าเรื่องพระธาตุเลือดหลวงพ่อคูณนี้เป็นเรื่องน่าอนาถใจจริง ๆ  เป็นไปได้อย่างไรที่ธาตุน้ำจะเป็นพระธาตุ แต่คนเราก็เชื่อกันไปบ้ากันไป ขอถามว่าถ้าเลือดหลวงพ่อคูณเป็นพระธาตุแล้วเอาไปหล่อเป็นพระโลหะ มันจะอยู่ตรงไหน เอาโลหะไปหลอมมันยังดังแฟบละลายในมวลสาร 

         ขอถามว่าคนที่หลงเชื่อมีปัญญาไหม ? เคยอ่านพระไตรปิฎกกันบ้างไหม ? ในแต่ละวัน ๆ อ่านสักเรื่องหนึ่ง อ่านพระสูตรสักเรื่องหนึ่งได้ไหมทั้งพระสงฆ์และประชาชน เรามีแต่อาจริยวาท เอานั่นี่ลงกันในโทรศัพท์มือถือกันมากมายจนรำคาญ แล้วอ้างว่าเป็นคำพูดของหลวงปู่มั่น จริงหรือไม่จริงไม่รู้ ที่เขียนกันว่าหลวงปู่มั่นพูดก็ไม่รู้ว่าหลวงปู่มั่นท่านพูดจริงหรือเปล่า สมัยนั้นใครเขาจดกัน ก็อุปโลกน์กันขึ้นมา ตัวหลวงปู่เองน่ะจริง แต่เรามาอ่านพระไตรปิฎกกันไม่ดีกว่าหรือ ในเมื่อวัดทุกวัดมีพระไตรปิฎก พระสงฆ์และประชาชนไปดูเถอะ พระไตรปิฎกช้ำบ้างไหม มีคัมภีร์ใบลานที่ห่อไว้แต่โบราณ พระเคยเปิดดูเปิดอ่านบ้างไหม นี่อาตมาพูดตามจริง อาตมาไม่ได้เป็นปากเสียงของใคร แต่ด้วยอายุมากแล้วจะปล่อยให้พระศาสนาเป็นอย่างนี้น่ะหรือ ถึงแม้อาตมาเทศน์เรื่องการเมือง การศึกษา เรื่องการพัฒนาชีวิตในหลาย ๆ ด้าน แต่ไม่เคยทิ้งเรื่องพระไตรปิฎก ไปดูหน้ากุฏิของอาตมาได้ กลางคืนประมาณตีหนึ่งตีสองอาตมาต้องเปิดประตูออกมาหยิบพระไตรปิฎกมานั่งอ่านพระสูตรคืนละเรื่องเพื่อวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ปัญญา 

         ทุกวันนี้คนเราหลงงมงายอะไรกันนักหนา แค่คำสอนในสำนักต่าง ๆ ยังงมงายกันแย่อยู่แล้ว และยังมีวัตถุมงคลและวัตถุอัปมงคลอีกเยอะในประเทศไทย และคนก็เชื่อกันจังเรื่องคุณไสยว่าคนนั้นทำได้คนนี้ทำได้ ยิ่งคุณไสยจากประเทศเขมรยิ่งเชื่อ ทำไมไม่เจริญพระพุทธมนต์ ? ทำไมไม่สวดมนต์กันล่ะ ? แล้วก็ไม่มีใครจัดการหรือให้ความรู้ที่ถูกต้อง ต่างปล่อยกันไปเพื่อผลประโยชน์ ปล่อยกันเรื่อยเฉื่อยไม่มีการแถลงข่าวว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ พระสงฆ์บางรูปไม่มีความรู้ ไม่อ่านหนังสือ จะเจาะจงให้แต่พระบวชใหม่อ่านนั้นไม่ได้ ลองให้พระเก่าที่บวชนาน ๆ มาทดสอบความรู้กันบางทีจะตกกันทั้งประเทศ นี่คือเรื่องจริง ความรู้ที่เรียน ๆ กัน อ่านพระไตรปิฎกกันบ้างไหม ไปหาพระไตรปิฎกฉบับ ส. ธรรมภักดี (ร้าน ส. ธรรมภักดี อยู่ตรงข้ามวัดมหรรณพาราม กรุงเทพมหานคร) มาอ่านกันบ้าง ราคาไม่แพง อย่าไปเปิดดูแต่ในกูเกิ้ล ฆราวาสก็ควรอ่านโดยเริ่มอ่านพระสูตรแต่ละหมวดไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องอ่านหมวดพระวินัย 

         เรามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๓ ประเภท พระปัญญาธิกพุทธเจ้า พระสัทธาธิกพุทธจ้า พระวิริยาธิกพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้คือพระปัญญาธิกพุทธเจ้า แต่คนขาดปัญญากันขนาดนี้เชียวหรือ แล้วต่อไปพระพุทธศาสนาจะเป็นอย่างไร ก็ “ขาลง” ดั่งคำทำนายที่ว่าเมื่อผ่านพุทธศักราช ๒๕๐๐ ไปแล้ว พระพุทธศาสนาจะเข้าสู่ยุคขาลง 

         อาตมาเกิด พ.ศ. ๒๕๐๐ ยังได้เห็นบ้านเมืองเป็นเมืองดี ทุกครั้งที่มีการจัดงานบรรยายธรรมไม่ว่าที่ไหนมีแต่คนคลั่กไปหมด อาตมาตลุยเทศน์มาทุกภาคแล้ว คนมารอกันเยอะ พระวิปัสสนาจารย์ก็เลื่องลือเลื่องชื่อ บวชชีพราหมณ์แต่ละวัดถ้าวัดใหญ่ ๆ อย่างวัดสุทัศน์ก็บรรจุได้ ๑,๒๐๐ คน ก็แน่นแล้ว เห็นแต่สีขาวทั่ววัด มีอยู่วัดหนึ่งอยู่บนเขาในจังหวัดนครสรรค์ เมื่อสมัยที่อาตมาเป็นเลขาเจ้าคณะภาค ๔ และได้ไปแสดงธรรม ขาวทั้งภูเขา ที่วัดต้นสนจังหวัดอ่างทองก็มีผู้เข้าร่วมบวชชีพราหมณ์ประมาณ ๒,๐๐๐ คน และยังมีวัดอื่น ๆ อีก เดี๋ยวนี้โฆษณาให้ตายคนก็ไม่เข้าวัด เพราะเราไม่มีคำสอน ไม่มีหลักธรรมที่แท้จริง และไม่สอนให้คนมีปัญญา โรงเรียนมีไว้ให้สอนคนให้มีปัญญา แต่ในทางพระพุทธศาสนาคนไม่มีปัญญา มีแต่ศรัทธา แล้วมันก็กระจายตัวไป เราต้องสอนคนให้มีปัญญา เราต้องสอนคน เวลาจะสร้างพระสร้างวัตถุมงคลก็ต้องมีการสวดพุทธคุณ มีรูปของพระพุทธเจ้าอยู่ด้วย ต้องมีพุทธคุณ ถ้าไม่มีพุทธคุณของไม่ขึ้น และต้องมีคำสอน สร้างให้ดีเป็นหน้าที่ของวัด มีเข้าไว้ และใช้ให้เป็น ๆ หน้าที่ของโยม  

         เมื่อครั้งที่ยังมีศาลาโพธิ์ที่วัดสุทัศน์ อาตมาได้บอกกับพระทุกรูปที่อยู่ในกลุ่มทำงานของอาตมาว่า ถึงแม้ว่าเราจะจำหน่ายพระ แต่เราต้องมีทั้งศาลาพระพุทธและศาลาพระธรรม อาตมาตั้ง ๒ ศาลา มีหนังสือธรรมะที่อาตมาเทศน์และพิมพ์เองขาย และรับหนังสือธรรมะบางเล่มที่ถูกเลือกแล้วเอามาขาย มีเทปคาสเซ็ตเกี่ยวกับธรรมะและสวดมนต์ ต่อมาก็เป็นซีดีและ mp3 เดี๋ยวนี้ก็จบไปแล้ว ถ้ามีคนไปวัดไปไหว้พระแล้วกลับก็อย่าไปสนใจ แต่ถ้าเขามาซื้อหนังสือต้องแจกพระให้เขาไปด้วย เราต้องส่งเสริมคนมีปัญญา กว่าอาตมาจะเขียนหนังสือได้แต่ละเล่ม ลูกตาแทบแตก ต้องไปจ้างเขาพิมพ์ ต้องตรวจปรู๊ฟ ต้องมาดูจัดวรรคตอนเพื่อให้มีช่องหายใจ

         ท่านทั้งหลายก็เหมือนกัน ทั้งพระสงฆ์และญาติโยม ลองประเมินตัวเองดูสิว่าเราอยู่ในประเภทไหน พระพุทธรูปมีเต็มวัด แต่พระสงฆ์ในวัดเคยไปไหว้กันหรือเปล่า ญาติโยมไปไหว้บ้างหรือเปล่า ไหว้แล้วมีพระธรรมหรือเปล่า อาตมาบอกพระที่อยู่ด้วยกันว่าจำไว้นะ ถ้าผมสั่งให้เทศน์ ท่านต้องเทศน์ได้ ถ้าผมบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงต้องบันทึกเทปรายการโทรทัศน์ ท่านต้องเทศน์ได้ ถ้าเทศน์ไม่ได้ก็อยู่ด้วยกันยาก และจะตัดกิจนิมนต์ ที่พูดเช่นนี้เพื่อให้คนที่อยู่กับเรามีปัญญาและหมั่นศึกษา และให้เขาใช้ปัญญานั้นไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานของราชการและเอกชนที่จัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น โครงการของกระทรวงมหาดไทย “วันพฤหัสมหาดไทยร่วมจิตทำความดี” อาตมามอบหมายให้พระครูปลัดสุวัฒนดิลกคุณไปบรรยายธรรมทุกวันพฤหัสบดี และนำข้าราชการสวดมนต์ นอกจากนี้อาตมายังได้ส่งพระไปทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นประจำที่บริษัทต่าง ๆ อีกหลายบริษัท 

         การแจกวัตถุมงคลมันง่ายเกินไป เมื่อคนได้รับวัตถุมงคลไปแล้วก็ได้แต่เอาไปเก็บไว้ ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด อาตมาพูดเสมอว่า “ยึดหนึ่งองค์ จำหนึ่งคำ ทำหนึ่งคุณ” คนเกิดวันอะไรก็ห้อยพระประจำวันนั้น แต่ต้องศึกษาประวัติก่อน เช่น ทำไมพระประจำวันอาทิตย์จึงต้องเป็นพระปางถวายเนตร วันจันทร์ – ปางห้ามญาติ, วันอังคาร – ปางไสยาสน์, วันพุธกลางวัน – ปางอุ้มบาตร, วันพุธกลางคืน – ปางป่าเลไลยก์, วันพฤหัสบดี – ปางสมาธิ, วันศุกร์ – ปางรำพึง, วันเสาร์ – ปางนาคปรก แต่ถ้าไม่รู้ว่าเกิดวันอะไรก็บูชาปางชนะมาร เราควรศึกษาพระพุทธรูปปางเหล่านี้ทั้ง ๙ ปางให้ครบทุกปาง ศึกษาตำนานแล้วเอาจริยาของพระพุทธเจ้ากับคำสอนมาปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นพระพุทธศาสนาขาลง 

         คำทำนายที่ว่าพระพุทธศาสนาจะถึงยุคเสื่อมหลังจาก ๕,๐๐๐ ปีนั้นถูกแล้ว ณ ปัจจุบันเรากำลังเข้าสู่ยุคมิคสัญญี พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าแม่ เมียฆ่าผัว มีการข่มขืนกัน อาตมาดูข่าวเมื่อสองวันก่อนมีเด็กผู้หญิงอายุ ๑๒ ปีตั้งท้อง ท้องได้อย่างไร และมีคนฆ่ากันตายทุกวัน ฯลฯ ที่ว่าประเทศของเราเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานั้นจริงหรือเปล่าในเมื่อวัฒนธรรมในการเทศน์มันจบไป ท่านลองไปดูวัดเก่า ๆ ที่มีธรรมาสน์เทศน์ รู้ไหมว่าในวันพระเขาเคยมีเทศน์ทุกวันพระวันละ ๓ กัณฑ์ - เช้า ๑ กัณฑ์, บ่าย ๑ กัณฑ์, กลางคืน ๑ กัณฑ์ เดี๋ยวนี้ไม่มีพระขึ้นธรรมมาสน์แบบนั้นแล้ว ไนวัดมีแต่ขายวัตถุมงคล มีตลาดในวัดเยอะมาก ก็ไม่ว่ากัน เพราะพระพุทธศาสนาเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจของชาติ ตั้งแต่ ศพ สวด บวช แต่งงาน ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนาแบบนี้ในเมืองไทย คนก็ทำมาหากินไม่ได้ แต่ว่าทำไมวงการคณะสงฆ์เราจึงมาเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าอาตมาเก่ง แต่พูดในฐานะเท่าที่ทำได้ ทุกอย่างมีการลงทุนทั้งนั้น อาตมาบอกพระสงฆ์และประชาชนได้เลยว่า อาตมาไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากกรมการศาสนาปัจจุบันเป็นสำนักงานพระพุทธศาสนา แม้แต่บาทเดียว บาทเดียวก็ไม่เคยได้รับ แต่อาตมาเองก็ไม่อยากได้และไม่เคยขอ เมื่อใดไม่มีเงินทำก็หยุดทำ สมัยนี้ทำในโทรศัพท์มือถือได้สบาย ๆ จะมีคนดูกี่คนก็ช่างเถอะ นานไปจะมีคนดูมากขึ้นเอง คนมีปัญญาต้องเกิดขึ้น คนมีปัญญาหนึ่งคนอาจทำให้คนมีปัญญามากขึ้นหลายคน ครูเก่งหนึ่งคนมีนักเรียนเก่งอีกกี่ร้อยคนกี่พันคนที่จะตามมา 

         แต่เรื่องนี้สะท้อนถึงเรื่องเลือดของหลวงพ่อคูณเป็นพระธาตุหรือ ? โกหกทุกคน เลือดจะเป็นพระธาตุได้อย่างไร ? ธาตุดินที่แข็งที่สุดเท่านั้น แล้วจะเป็นพระธาตุได้ง่าย ๆ นักหรือ ? ถ้าพระสงฆ์เป็นพระธาตุจะได้อะไร ? กรณีเผาพระวิปัสสนาจารย์องค์นี้แล้วกระดูกเป็นเพชรเป็นพลอย ก็เพราะมีคนแอบเอาพลอยหุงไปโยนใส่ก่อนปิดฝาโลง ท่านผู้อ่านและพระสงฆ์จำไว้นะว่าพลอยราคาถูก ๆ หาซื้อได้ที่พม่าหรือที่ปากีสถานแล้วแอบเอาเข้ามาได้ เมื่อจะเผาก็โยนใส่เข้าไป เมื่อพลอยถูกความร้อนความแข็งจะเพิ่มขึ้น ชุดที่แตกละเอียดก็แตกไป แล้วพอเก็บกระดูกก็ โอ้โฮ ! กลายเป็นพระธาตุ โกหก ! นี่เป็นเรื่องจริงที่อาตมาเคยเห็นมากับตาตัวเอง บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายที่ทำ ๆ กันไปแล้วอย่านึกว่าไม่มีคนรู้ 

         แม้แต่พระสงฆ์ที่ตายไปแล้วและยังไม่ได้เผา นอนตัวดำเมื่อม ถึงเวลาก็เอามาเปลี่ยนจีวรกันให้คนเห็น ก็ยังเป็นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้วัดและคนที่เกี่ยวข้อง ถ้าพระสงฆ์เหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ ท่านอาจจะบอกว่า “เฮ้อ ! ตัวเราเองจีวรขาดยังอายคน เวลาสรงน้ำยังอายคน เอาเรามาใส่โลงแก้ว เราอายนะ เราอาย” ไม่เห็นใจท่านบ้างหรือ ? การที่เอาซากศพของท่านมาวางให้คนดู ศพนอนแก้มบุ๋ม แล้วก็มาฮือฮากันว่าเล็บยาวขึ้นผมยาวขึ้น นั่นก็เพราะเมื่อผิวหนังของศพแห้ง น้ำในกล้ามเนื้อหมดไปเล็บก็ยาวเป็นธรรมดา ผมบนศีรษะเมื่อน้ำออกไปผมก็ยาวขึ้นเป็นธรรมดา มันเป็นธรรมชาติ แต่กลับทำให้บางคนหมกมุ่นและเชื่อไปในทางที่ผิด อันที่จริงควรนำศพพระไปเผา สงสารท่าน อย่าเอาสังขารของพระมาหากิน อย่าหากินกับซากศพ ควรนึกถึงสังฆคุณของท่านและงานที่ท่านได้ทำ

         ทำไมท่านพุทธทาสให้เผาสังขารของท่าน และให้พระมานั่งดู ? เพราะท่านต้องการสอนพระและสอนคน

         อาตมาเคยบอกกับโยมว่าปิดหน้าของคนตายเถอะ เอาผ้าคลุมหน้าศพ คนตายไม่อยากเห็นสภาพอย่างนี้ มันสะเทือนใจเมื่อเห็นหน้าตัวเองมีสำลียัดจมูก ปากก็อ้า หน้าตาก็ไม่สวย คนตายเขาอายซากสังขารเขา การรดน้ำศพคือการขอขมากัน จะได้ไม่มีความผูกพันไม่มีความพยาบาทกัน คนเราอยู่ด้วยกันก็มีการล่วงเกินกัน ก็ล้างกรรมกันด้วยมือ มือเป็นตัวทำกรรม ส่วนการเปิดหีบศพให้ลูกหลานมาดูเป็นการตัดความรัก 

         ปัจจุบันนี้คนหมกมุ่นเรื่องวัตถุมงคล ทั้งทำทั้งวิ่งหา ซึ่งจะเป็นวัตถุมงคลจริงดีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ มีแต่คนถามหารุ่นนั้นรุ่นนี้กันวุ่นวายไปหมด มันจะช่วยอะไรได้ ? หวยมีกันเกลื่อน พระสงฆ์สักยันต์กันตัวลายพร้อยไปหมด เพราะต่างอยากจะอวดตัวว่าเป็นพระคณาจารย์ แขนขวาลายพร้อยไปหมด ยันต์มีจริงไหม ? สักคำว่า “พ่อ แม่” ที่ไหล่ซ้ายไหล่ขวาก็พอแล้ว เดี๋ยวนี้มีแต่พระแขนลาย ๆ ไปหมดบางคนลายถึงข้อมือ แล้วก็ไปนั่งปรกนั่งบริกรรมกัน ถ้าเป็นฆราวาสไม่เป็นไร แต่เป็นพระสงฆ์มันไม่เหมาะไม่ควร พระศาสนาก็เลยกลายเป็นศาสนาขาลง อาตมาว่าไปอ่านพระไตรปิฎกกันดีกว่า

         เราเป็นศาสนิกชนเคยห่วงศาสนาบ้างไหม ? นึกถึงลูกหลานที่เกิดภายหลังไหมว่าจะเป็นเด็กไม่มีศาสนา พระคุณเจ้าทั้งหลายและญาติโยมทั้งหลาย เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการเผยแผ่พระพุทธศาสนา คนบางคนอาจเข้าไม่ถึง เรื่องที่อาตมาห่วงใยในงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็คือ ใครจะทำความเข้าใจกับประชาชน กับการบริหารปกครองประเทศชาติ ในเมื่อตำราทางพระพุทธศาสนาและพระไตรปิฎกไม่ถูกเปิดเลย อาตมาตั้งใจไว้ว่าถ้ามีเงินจะเดินในละแวกวัดสุทัศน์ไปซื้อคัมภีร์ใบลานมาให้หมด เพราะฉบับ ส.ธรรมภักดี ที่เป็นใบลานนั้นที่วัดสุทัศน์เคยมีอยู่ ๑ ตู้ ตอนนั้นรักษาไว้อย่างดีและให้พระนำไปเทศน์ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนอย่างไร อาตมาได้แต่อ่านพระไตรปิฎกฉบับ ส.ธรรมภักดี และพยายามทำความเข้าใจ แต่เมื่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยขาลง เราจะทำกันอย่างไร นี่คือคำถามสำหรับท่านผู้อ่านทั้งหลาย ไม่ได้หวังจะคัดง้างใคร ไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับใคร แต่หวังว่าจะกระตุ้นเตือนพระสงฆ์ทั้งหลายว่า ลองหลับตานึกถึงชีวิตย้อนหลัง ถ้าไม่มีผ้าเหลืองจะได้อยู่สถานที่กว้างขวางอย่างต่ำ ๖ - ๗ ไร่ไหม ? จะได้อยู่พระอารามหลวงไหม ? ได้อยู่วัดในตัวเมืองและมีกินมีใช้อย่างสุขสบายไหม ? คำตอบคือไม่มีทาง ฉะนั้นควรคิดย้อนหลังไปวันก่อนมาถึงวันนี้ จะทำอย่างไรกับผ้าเหลืองที่เราห่มที่เรียกว่าผ้ากาสาวพัสตร์ ถ้าคิดได้ก็ต้องทำอะไรสักอย่าหนึ่ง บวชมาเพื่อรอด บวชมาเพื่อเกียรติ มรรค ผล สวรรค์ นิพพาน ก็ต้องเทศน์กันไป ไปเปิดดูเว็บไซต์ของวัดเสาชิงช้า คติธรรม กะทิธรรม งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาทุกชิ้นของอาตมา งานเทศน์ งานพิมพ์ บทความประเภทต่าง ๆ ฯลฯ อาตมาทำขึ้นมาด้วยความใคร่ครวญและความห่วงใยในพระศาสนา ถึงแม้ว่าจะไม่มีเป็นภาษาบาลีเพราะคนอาจจะเข้าใจยาก แต่ทำขึ้นมาจากเนื้อหาในพระไตรปิฎก อ่านแล้วมาเรียบเรียง เช่น หนังสือ “ลึกซึ้งเข้าถึงได้”อาตมาเลือกมาจากพระพุทธพจน์ในธรรมบท ๘ ภาค แล้วเขียนคำอธิบายและแต่งกลอนประกอบ เพื่อให้คนอ่านแล้วสามารถเข้าถึงในส่วนนี้ได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ 

         อย่าให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาขาลง เพราะถ้าเป็นศาสนาขาลงแล้ว เราจะอายบรรพชน 

 

                                                   พระเทพปฏิภาณวาที

                                                       “เจ้าคุณพิพิธ” 

 

๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๗

 


อ่าน : 0

แชร์ :


เขียนความคิดเห็น