ราคารวม : ฿ 0.00
“จงทำสังคมให้ร่มเย็น อย่าทำสังคมให้ล่มสลาย”
สังคมที่ร่มเย็นนั้น เกิดเพราะเหตุ ๒ ประการ คือ
๑. ต้องมีการเอื้อเฟื้อเจือจาน เรียกว่า... มีคนเป็นบุพการี
๒. ต้องมีคนที่รู้คุณ และ กตัญญูกตเวที คือ... ตอบแทนคุณ
ถ้าสังคมมีบุพการี คือทุกคนมีจิตใจเป็นพ่อเป็นแม่คน รักลูกตัว รักลูกเขาเหมือนลูกเรา เอื้อเฟื้อเจือจาน เลี้ยงดูปูเสื่อ อย่างนี้สังคมมีความร่มเย็น
คนที่ซัดเซพเนจร สิ้นไร้ไม้ตอก จะตั้งต้นได้ก็เพราะว่ามีคนที่มีจิตใจเป็นบุพการี คือทำอุปการะก่อน ได้แก่ เป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ
ส่วนสังคมจะร่มเย็นได้ก็คือว่า เมื่อได้รับอะไรจากท่านไปแล้ว จงหาวิธีการที่จะตอบแทนคุณท่านด้วยความรู้คุณของท่านเสมอ ถ้าเราได้ตอบแทนคุณแล้ว สังคมจะร่มเย็น
แต่ถ้าสังคมไม่มีบุพการีชนคือไม่มีคนเสียสละ ไม่มีใจเอื้อเฟื้อเจือจานเผื่อแผ่ ไม่รักลูกเขาเหมือนลูกเรา สังคมจะล่มสลาย และเมื่อเขาอดอยากยากจนเขาจะไปรบกวนใคร เขาก็ต้องลักขโมย จี้ปล้น สังคมก็ยิ่งล่มสลาย
ถ้าคนไม่กตัญญูกตเวทีแล้วถือว่าใช้ไม่ได้ เราจะกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชนของเราอย่างไร ?
บรรพชนของเรามี ๒ ฝ่าย
๑. ฝ่ายที่ตายไปแล้ว
๒. ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่
คนไทยแต่เดิมมานั้นต้องนึกถึงอุปการคุณ หมายความว่า เราจะต้องทำบุญให้กับบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว โดยนำอัฐิมาตั้งแล้วบำเพ็ญกุศล เรื่องนี้ไม่ใช่ทำเพื่อพระ แต่ทำเพื่อตัวเราเอง ทำเพื่อประกาศว่าเราเป็นคนกตัญญู และใครที่ได้พบได้เห็นแล้วเขาก็จะแช่มชื่นใจ เขาจะคบหาสมาคม เป็นการประกาศตัวเอง
ประการที่สอง ไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ที่เลี้ยงดูเรามา ไปรดน้ำอวยพรท่าน ท่านได้รับน้ำ รับคำอวยพรจากเรา ของกินของใช้ ไม่ต้องมากหรอก แต่ให้สม่ำเสมอ ท่านก็จะได้ให้ศีลให้พร ยินดีปรีดา ก็เป็นการประกาศตัวเราอีกสำหรับคนที่อยู่ว่า....
คนที่ตาย - เราก็ทำบุญบูชาคุณท่าน
คนที่อยู่ - เราก็ไม่ลืมคุณท่าน
ขอให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณา ทำเพื่อประกาศความดีของตัวเองว่า เรามีนิมิต มีเครื่องหมายของคนดี เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า....
นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา
(นิมิตตัง สาธุรูปานัง กะตัญญูกะตะเวทิตา)
คนที่รู้คุณท่านแล้ว ตอบแทนคุณท่าน นั่นแหละคนมีเครื่องหมายของคนดี.
พระเทพปฏิภาณวาที
“เจ้าคุณพิพิธ”
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น