ราคารวม : ฿ 0.00
เราดูคนที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ อาจจะสะท้อนถึงภาวะทางจิตใจ บางคนเป็นประเภท จิตจม บางคนเป็นประเภท จิตลอย
จม คือจมอยู่ในอะไร จมอยู่กับทุกข์ ขลุกอยู่กับเศร้า เคล้าอยู่กับชั่ว กลั้วอยู่กับอวิชชา
นี่เป็นประเภทจิตจม คือบางคน ยกจิตไม่ขึ้น จิตยังจมอยู่กับความทุกข์ ไม่คิดหาทางแก้ไข และก็ฝังจิตอยู่กับความทุกข์เช่นนั้น โดยไม่หาที่ปรึกษา หรือจะพยายามสลัดปัดทุกข์ ไปไหนก็เอาหน้าทุกข์ ๆ ที่มี รอยย่นปรากฏระหว่างคิ้ว ไม่พบรอยริ้วเหนือริมฝีปาก ไปหาเพื่อนก็เอาหน้าทุกข์ ๆ ไปฝากเขา และแม้เขาแนะนำมาแล้ว ก็ไม่พยายามเอาคำแนะนำจากการให้คำปรึกษาเอามาใช้ อย่างนี้ใช้ไม่ได้ เป็นประเภทจิตจมปลัก นี่ จมอยู่กับทุกข์
ขลุกอยู่กับเศร้า บางคนจิตมันเศร้า และเศร้าหมองในเรื่องไม่ใช่ของตัวก็มี ทั้งเศร้าโศก เศร้าสร้อย เศร้าโศก และก็เศร้าสร้อย คือยกจิตไม่ได้ อกหักก็เศร้าสร้อยอยู่อย่างนั้น ผิดหวังอย่างอื่นก็เศร้าสร้อยอยู่อย่างนั้น อย่างนี้ไม่ดี ขลุกอยู่กับเศร้า และมักจะพูดว่า... “ทำไมไม่มีใครคบอยู่กับเรา”
โธ่ !... คนที่ฟื้นไม่ขึ้น นี่มันแย่นะ ใครจะมาขลุกอยู่กับคนหน้าเศร้า
เคล้าอยู่กับชั่ว อบายมุขเป็นความชั่ว ต้องสลัดตัดออกเสีย หลีกเสีย ปฏิเสธเสียบ้าง
กลั้วอยู่กับอวิชชา คือ ไม่รับ ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น ทั้งคำสอน ทั้งวิชาการในโรงเรียน ทั้งที่ผ่านระบบ หูทิพย์ตาทิพย์ โทรทัศน์ วิทยุ อย่างนี้จิตมันก็จมลง สุขมันก็จมลง
เพราะฉะนั้น ต้องเป็น จิตลอย สลัดออกให้ได้ ลอยออกจากทุกข์ สุขอย่าเศร้า เคล้ากับดี มากมีด้วยวิชา
ลอยออกจากทุกข์ ให้มันลอยออกจากความทุกข์ให้ได้ด้วยคำแนะนำ คำสั่งสอน และนำมาปฏิบัติอย่างมั่นคง
สุขอย่าเศร้า เอาหน้าสุข ๆ ไปฝากเขา เรายิ้ม เขาก็ยิ้ม ถึงแม้ว่าเขาไม่ยิ้ม เรายิ้มสักพัก เดี๋ยวเขาต้องยิ้ม
เคล้ากับดี คลุกเคล้ากับความดี สิ่งดี มันหอม มันหวานไปเองกับคนดี
มากมีด้วยวิชา ขยันศึกษาเล่าเรียน อย่างนี้จิตจะลอย
เมื่อ จิตลอย ก็คือ ความภูมิใจ ความพอใจ ได้ผลทั้งตนเอง และได้ผลเป็นความสุขของผู้อื่น เรียกว่า เอาสุขไปฝากผู้อื่นได้
พระเทพปฏิภาณวาที
“เจ้าคุณพิพิธ”
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น