ตอนที่ 169 : สงกรานต์... กลับบ้านเรา

         ร้อยมาลัยก็หลายพวง              ซื้อผ้าม่วงผ้าไหม

ผ้าขาวม้า ผ้าสไบ                               ไปกราบไหว้ซึ่งมารดร

ไหว้เอยทั้งบิดา                                 เลี้ยงลูกมาแต่ออกอ้อน

ห่วงหาและอาทร                                เฝ้าพร่ำสอนซึ่งลูกยา

         ส่งเสียและส่งเสริม                   คอยพูนเพิ่มสรรพวิชา

เป็นหูและเป็นตา                                สอดส่องหาซึ่งคู่ครอง

เกื้อกูลคูณพูนเพิ่ม                            ลูกริเริ่มเสริมสนอง

ด้วยใจที่ใฝ่ปอง                                 ให้สอดคล้องเจตนา

         พ่อแม่ท่านแก่เฒ่า                    รอลูกเต้าเฝ้าเยี่ยมหา

ประคองซึ่งกายา                               อย่าให้คลาดจนพลาดพลั้ง

เป็นหูและเป็นตา                               ดูซ้ายขวาและหน้าหลัง

ย่างก้าวเฝ้าระวัง                               ลูกเป็นดังไม้เท้าพา

         เจ็บไข้หรือได้ป่วย                     ลูกเอื้ออวยช่วยรักษา

ลูกยา และ หยูกยา                            สองสิ่งหนามาคู่กัน

ยาจริง และ ยาใจ                              สองนี้ไซร้จำให้มั่น

สองขนานประสานกัน                        พ่อแม่ท่านก็พลันหาย

         เป็นแก้วเนรมิต                        ให้สมจิตที่คิดหมาย

อย่าแช่แลดูดาย                                ให้ท่านคลายความกังวล

ทาน ศีล ภาวนา                                เป็นมหาศาลกุศล

ช่วยกันบันดาลดล                             สำเร็จแก่พ่อแม่ตัว

         สงกรานต์ก็ทุกปี                      ชวนน้องพี่กันถ้วนทั่ว

รดน้ำก็ดำหัว                                    ทั้งปู่ย่าและตายาย

รดน้ำยามสงกรานต์                         แสนชื่นบานดั่งมั่นหมาย

อย่าให้ท่านรอหาย                             มีแต่สายแห่งน้ำตา

         พ่อแม่ ผู้แก่-เฒ่า                     รอลูกเต้าเฝ้าเยี่ยมหา

หวังพบสบลูกยา                              ของบิดาและมารดร

         ลูกหลานท่านเจ้าขา                 อย่าหาว่ามาสั่งสอน

รดน้ำรับคำพร                                 จากบิดรมารดาเอย.

มีการเตือนเรื่องอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนทุกปี ปีหนึ่งๆ ถึงสงกรานต์แทนที่จะเป็นวัน “พบหน้ากันครบ แต่กลายเป็นวันพบศพเกลื่อนถนน” ความตั้งใจจะรดน้ำอวยพรขอพรจากผู้ใหญ่ ก็เลยกลายเป็นวันรดน้ำศพ ความสุขที่หวังจะได้จึงกลายเป็นความเศร้า หากไม่ต้องการให้วันสงกรานต์เป็นวันรดน้ำศพ มีสิ่งที่จะแก้ไขได้ก็คือ...“หย่าดื่มสุรา และ หย่าประมาท” คงสงสัยว่าเขียนผิดหรือเปล่า! ขอตอบว่า...เขียนไม่ผิด...เพราะคำว่า “อย่า” เป็นคำเตือน แต่คำว่า “หย่า” เป็นการเลิกพฤติกรรม ถ้าหย่าทั้งสองประการ เรื่องอุบัติเหตุจะลดลงอย่างเห็นทันตา

เพื่อให้ผู้อ่านได้สติเตือนใจ และ นำไปเตือนภัยผู้ใช้รถและผู้โดยสาร จึงขอฝากเป็นข้อคิด ดังนี้...

               สงกรานต์กลับบ้านเรา         อย่าดื่มเหล้าจนเมาแอ๋

ดื่มเพลินเดินแถล                               หนีบขวดเหล้าเมาหยำเป

ขับรถจงงดดื่ม                                  อย่าคิดปลื้มดื่มแล้วเก๋

บรรทุกคนขนไปเท                             ตกถนนผลคือตาย

                อย่าตะบันขับขันแข่ง           อย่าเร่งแรงแซงขวา-ซ้าย

เบรกไม่ทันอันตราย                            แฉลบหงายตายยกคัน

                ง่วงนอนขอวอนไหว้            อย่าฝืนใจขับไปนั่น

หลับในไหวไม่ทัน                                 จะพากันตายเจ็บระนาว

                มอเตอร์ไซด์ที่ใช้ขับ             จงระงับดับความห้าว

สองล้อก่อเรื่องราว                             ตายกันเยอะเจอะกันจม

                สงกรานต์สนานสนุก           อย่าให้ทุกข์มาถล่ม

น้ำเย็นกระเซ็นพรม                             ให้หัวใจใสเย็นเอย

 

โลกมันร้อนนะ...เราก็หาความเย็นมาให้เราและโลก หาความเย็นมาให้เราด้วยวิธีเฉพาะหน้าคือใช้พัดลม เครื่องปรับอากาศ (เดี๋ยวนี้เขาลืมคำนี้ไปแล้ว เรียกกันว่า แอร์) แต่ถ้าแก้ปัญหาโลกร้อนถาวรก็ต้องปลูกต้นไม้ อย่าคิดโครงการใหญ่ไปกว่าความเป็นจริงเลย ปลูกต้นไม้มีผลคนละต้นจากเมล็ด จะแก้โลกร้อนได้ ผลจากการปลูกต้นไม้มิใช่ได้แค่แก้สภาวะโลกร้อนเท่านั้น แต่จะได้ผลดีอีก ๑๒ ประการ ไม่ต้องรอให้มีการรณรงค์ วันศุกร์จะมาสาธยายให้ฟัง แต่มิใช่แค่พล่ามให้คนอื่นปลูกเท่านั้นอาตมาภาพเองก็ทำด้วย ทั้งที่วัดสุทัศน์ วัดบ้านเกิด และชาวบ้าน ตั้งปณิธานว่า...กินผลไม้ไม่ทิ้งเม็ด ผลไหนอร่อยต้องปลูก ถูกใจต้องเพาะ... 

 

                          พระเทพปฏิภาณวาที

                               (เจ้าคุณพิพิธ)

 


อ่าน : 0

แชร์ :


เขียนความคิดเห็น