ราคารวม : ฿ 0.00
...ที่สนามหน้าโรงเรียน... เป็นเวลาพัก ๑ ชั่วโมง
เด็กหญิงพอเพียงเดินเข้าไปหาเด็กชายใฝ่ดีด้วยท่าทางครุ่นคิด
พร้อมกับพูดขึ้นว่า.....
ด.ญ.พอเพียง : ใฝ่ดี วันนี้พอเพียงเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ได้ยินจากครูมาว่า “สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” พอเพียงยังไม่เข้าใจเลย ใฝ่ดีรู้รึเปล่า ?
ด.ช.ใฝ่ดี : อ๋อก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน พยายามทำความเข้าใจแล้วแต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี
ด.ญ.พอเพียง : ถ้าอย่างนั้น เราไปถามหลวงตากันดีไหม?
ด.ช.ใฝ่ดี : ไปสิ....พอเพียง ไปเดี๋ยวนี้เลย
เณรหนุ่ยกำลังจัดแจงน้ำชาถวายหลวงตา
หันไปเห็นเด็กทั้งสองคนเดินเข้ามา
จึงกราบเรียนหลวงตา.....
ด.ญ.พอเพียง : หลวงตาขา... หนูเอาปัญหามาให้หลวงตาหนักใจอีกแล้ว
ด.ช.ใฝ่ดี : หลวงตาครับ... พอเพียงอยากให้หลวงตาเทศน์อธิบายให้ฟัง เพราะพอเพียงเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ไม่เข้าใจที่ครูสอนว่า... ”สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น”....
ด.ญ.พอเพียง : อะไรคือสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ? การไม่ยึดมั่นถือมั่น ทำอย่างไร? ดีอย่างไรคะ..?
หลวงตา : เดี๋ยวลูก... หลวงตาขอทบทวนก่อนว่าข้อความนี้มาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าตอนไหน?
หลวงตา : นึกออกแล้ว มาจากพุทธภาษิตว่า...
สัพเพ ธัมมา นาลัง อะภินิเวสะยา
(สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสยา)
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
หลวงตา : สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนชาวโลกให้รู้ความเป็นจริง โดยสรุปว่า...
สรรพสัตว์ เกิดจากกรรมชั่ว – กรรมดี
สรรพสิ่ง มีโดยธรรมชาติของมัน
สรรพวัตถุ เกิดจากการสร้างสรรค์ของคน
ไม่มีอะไรเป็นของๆ ตนได้เลย
หลวงตา : คราวนี้ที่พวกเรายึดว่าเป็นของคนนั้นคนนี้ เป็นไปตามสิทธิ์ทางกฎหมาย ขอให้รู้เพียงว่า...
สร้างเพื่อให้มี
มีเพื่อให้ใช้
ใช้ให้ใช้อย่างประหยัด
หลวงตา : สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ที่เรียกว่า “สมบัติ” หรือ “มรดกตกทอด”นั้น แต่ก่อนจะมาถึงมือเรา ก็มีคนหรือสัตว์ยึดว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองทั้งนั้น แต่สุดท้ายสรรพวัตถุนั้นบางทีก็มีอันวิบัติคือเสียหาย สูญหาย ไปก่อนหน้าเจ้าของ บางทีเจ้าของก็ต้องจำละทิ้งไปหรือตายไปก่อนหน้าวัตถุนั้นๆ
หลวงตา : ดังนั้น เราจึงควรรู้เสียก่อนจะได้ไม่ยึดติดมัน และพิจารณาร่างกายของเรา ตั้งแต่เกิดจนตาย ว่า...
เกิดมาก็อาศัยอยู่เนินกองดิน
ทำมาหากินบนกองงาน
ทำบุญสุนทานด้วยกองเงิน
ทุกขณะก็เดินสู่กองฟอน
ตายแล้วก็นอนในกองไฟ
เผาไหม้แล้วก็เหลือแต่กองกระดูก
เหลือแต่ ผิด กับ ถูก ที่ทิ้งไว้
บาป - บุญ ติดจิตไปในภพหน้า
ด.ญ.พอเพียง : หลวงตาขา “กองฟอน” คืออะไรคะ?
หลวงตา : กองฟอน เป็นคำเรียกกองฟืนที่นำเอาไม้และขอนไม้มากองเรียงกัน แล้วนำหีบศพไปตั้งไว้ข้างบน แล้วจุดไฟเผาศพ ฟืนเผาศพที่กองสุมกัน เรียกว่า “กองฟอน” ส่วนต้นข้าวที่นวดแล้วนำมาสุมกัน เรียกว่า “กองฟาง” แต่ถ้ามีไม้ไผ่เป็นแกนกลาง แล้วนำฟางข้าวมาสุมกันทำรูปทรงคล้ายๆ เจดีย์ เรียกว่า “รอมฟาง”
ด.ญ.พอเพียง : โอ้โฮ...วันนี้ได้ความสว่างกระจ่างใจมากเลย
ด.ช.ใฝ่ดี : พอเพียง เขาเรียกว่าฟังเทศน์แล้วได้ปัญญาจ้ะ
ด.ญ.พอเพียง : ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าวันนี้เราสองคนได้ปัญญา พรุ่งนี้จะเขียนรายงานส่งครู หรือตอบปัญหาให้แจ่มแจ๋วเลย... เรากราบลาหลวงตากันเถอะ เอ้า...กราบ ๓ ครั้ง
พระเทพปฏิภาณวาที
“เจ้าคุณพิพิธ”
หมายเหตุ : “เด็กกลุ้มหลวงตาแก้ เล่ม ๑-๔ (เด็กมีปัญหา หลวงตาเทศนาแก้ไข) ”หน้งสือในโครงการ ศีลธรรมของยุวชนคือสันติภาพของโลก โดย ธรรมสภาและสถาบันบันลือธรรม
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น