ราคารวม : ฿ 0.00
บทที่ 10 อยากคุย
“โอ๊ยแสบ แสบจังเลย ทั้งออกร้อน ทั้งแสบเลย” รดากำลังใช้แป้งเย็น ทามือแล้วก็เป่าลมใส่มือไปด้วย
“ฉันก็นึกว่าผีกระสือที่ไหน มาร้องแซ่บ แซ่บ กินไส้อยู่แถวนี้”
“คุณเข้ม! มาไม่ให้สุ้มให้เสียง แสบค่ะแสบ ไม่ใช่ แซ่บ หูคุณมีปัญหานะเนี่ยว่าแต่ที่นี่มีกระสือด้วยหรือคุณ” รดามองหันซ้ายหันขวา
“ไม่รู้ซิก็ฉันเห็นแดงๆ ผมยาวสยาย ฉันก็คิดว่าเป็นกระสือ”
รดาก้มมองดูตัวเอง ชุดนอนสีแดงนั่งสยายผม
“นี้คุณว่าฉันเหรอ! แต่ถ้าฉันเป็นกระสือนะฉันจะมากินไส้คุณเป็นคนแรก ฉันไปนอนดีกว่า”
“เดียวก่อนรดาอยู่เป็นเพื่อนคุยกันก่อนซิ”
“ทำไมคุณกลัวผีเหรอ”
“อืม” ทำหน้าอ้อนวอน
กลัวที่ไหนละแม่คุณเอยอยู่มากี่สิบปีไม่เห็นผีชักตัวกลัวอย่างเดียวกลัวผีผลักแหละตอนนี้
“มือคุณแสบมากมั้ย” ภาคินแสดงความเป็นห่วง เขาเห็นมือหล่อนแดงๆ ตอนกินข้าว
“พอทนได้ นั้นแขนคุณโดนไฟไหม้นี้น่า” รดาลืมตัวจับแขนภาคิณหมุนซ้ายหมุนขวาดูว่าที่ไหนบ้าง
ทำให้ภาคินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างน้อยก็รู้ว่ามีบางคนเป็นห่วง
“คุณทายาหรือยัง คุณเข้ม”
“ทาแล้วพี่ลินลี่ทาให้”
“คุณเป็นห่วงผม”
“ฉันก็เป็นห่วงทุกคนแหละ แทนไทย ย่า ป้าลินลี่ คุณอย่าคิดเขาข้างตัวเองหน่อยเลย”
ภาคินยิ้มปากกว้าง “ครับเข้าใจครับ”
“แล้วไร่คุณเป็นยังไงบ้างเสียหายเยอะมั้ย”
“ก็มีต้นทุเรียน สี่ห้าต้น ถูกไฟไหม้ นอกนั้นก็ไม่เป็นอะไรดีที่คนงานในไร่ช่วยกัน ดับทัน”
“ไร่คุณมีทุเรียนด้วยหรือเนีย! แล้วต้นมันเป็นยังไงฉันไม่เคยเป็นต้นจริงๆ เลยเคยแต่ กินลูกมัน”
“555555” ภาคินหัวเราะกับคำพูดใสชื่อของรดาที่ดูเหมือนเด็ก
“คุณหัวเราะอะไรมันน่าหัวเราะตรงไหนแค่บอกไม่เคยเห็นต้นทุเรียนของจริง”
“เปล่า” เอาไว้ผมจะพาคุณไปดูต้นจริงแล้วกัน ผมไปนอนละ ฝันดีรดา”
เสียงกระซิบข้างหูตอนที่ภาคิณเดินผ่านไป
รดายืนนิ่งขนลุกซู่กว่าจะรู้สึกตัว คนพูดก็เดินไปไกลแล้ว
“อีตาบ้าชอบพูดข้างหู ให้ขนลุกเรื่อยเลย แล้วทำไมใจฉันต้องเต้นแรง ตาลุงบ้า”
Share :
Write comment