ราคารวม : ฿ 0.00
ก่อนหน้านี้เราพูดถึงการสร้างแรงปรารถนาจาก Golden Circle Theory ช่วยผลักดันให้เห็นเป้าหมายในชีวิต และความสุขระหว่างการเดินทางไกลเพื่อให้ชีวิตมีเรี่ยวแรงไปต่อได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เรี่ยวแรงและเวลาของมนุษย์มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย แม้ว่าเราจะยังมีเหลืออยู่มากมายในวัยหนุ่มสาว เมื่อมันถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่อง พลังเหล่านั้นย่อมหดหายไปตามครรลองของความเปลี่ยนแปลง
การสงวนเรี่ยวแรงและพักฟื้นกำลังระหว่างการเดินทางของชีวิตยังคงจำเป็นอยู่เสมอ เราจะทำความเข้าใจกับมันผ่านงานเพลงของวงดนตรีสัญชาติญี่ปุ่นนามว่า ONE OK ROCK (อักษรย่อ OOR) ซึ่งก่อตั้งวงเมื่อปี ค.ศ.2005 เป็นต้นมา
ภาพสมาชิกปัจจุบันของวง ONE OK ROCK
OOR ไม่ต่างจากวงดนตรีอื่นที่ต้องผ่านการลองผิดลองถูก ทั้งเพื่อสะสมประสบการณ์และแสวงหาตัวตนทางดนตรีของพวกเขาเองมาหลายครั้ง พวกเขาเริ่มเป็นที่รู้จักแก่ผู้ฟังทั่วโลกผ่านงานเพลงประกอบภาพยนตร์ดัดแปลงจากมังงะญี่ปุ่นเรื่อง ซามูไรพเนจร (Rurouni Kenshin) ในปี ค.ศ.2013
แนวเพลงของ OOR ในยุคแรกเริ่มเป็น Rock เสียส่วนมาก หลากหลายตั้งแต่ Pop Rock, Punk Rock บางเพลงหนักหน่วงจนถึงขั้น Heavy Metal, Nu-Metal อันเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม
ทว่าในผลงานชุด Eye of The Storm พวกเขาได้เปลี่ยนแนวดนตรีมาเป็น Pop ผสมกับ EDM (Electronic Dance Music) ทั้งชุด โดย Single ลำดับที่ 2 ของชุดนี้คือ Stand Out Fit In อันเป็นชื่อเดียวกับบทความนี้เอง
งานเพลงดังกล่าวสื่อสารกับเราผ่านความขัดแย้งของชื่อเพลง ย้ำเตือนถึงตัวตนที่เราเป็นผ่านความหมายของเนื้อร้อง และความโดดเดี่ยวแปลกแยกผ่านเรื่องเล่าของคนจีนพลัดถิ่นตั้งแต่ยังเด็กของ Hao ที่ได้ถ่ายทอดไว้ใน Music Video
เนื้อเรื่องของ MV บอกเล่าเรื่องราวของ Hao ผู้เป็นตัวเอกของเรื่องที่ต้องจมสู่ความโดดเดี่ยว ชีวิตเติบโตสู่วัยรุ่นด้วยการประดิษฐ์ตัวตนอื่นขึ้นมาบดบังตัวเองที่เคยเป็น ทั้งหมดก็เพื่อให้เข้ากับสังคมและดูไม่เป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น
ตัวตนใหม่ของเขาทำให้ชีวิตง่ายแต่ไม่ใช่ชีวิตที่ดี เบื้องลึกของ Hao ยังพยายามหยุดความเศร้าหมองของตัวเองอยู่เสมอ เมื่อตัวตนใหม่พัดพาชีวิตไปประสบกับจุดวิกฤต ตัวตนอันแท้จริงของเขาจึงปรากฎขึ้นมาเผชิญหน้าด้วยรูปลักษณ์ของ "เปี้ยนเหลียน" (ภาษาจีน: 变脸 , ภาษาไทย: งิ้วเปลี่ยนหน้ากาก)
งิ้วกรีดรำนำกระบวนร่าย เปลี่ยนลวดลายแปลงหน้ากาก
ประหนึ่งอยากทวงคำถามเราทั้งหลาย
กี่ครั้งหนจำต้องทนเป็นคนอื่น?
ใต้เปลือกปลอมเหล่านั้น ตัวตนของฉันคือใคร?
แม้ความหมายของเพลงต้องการสนับสนุนให้เราเป็นตัวเองมากขึ้น ความเป็นจริงมักยากเย็นกว่าอุดมคติเสมอ ดังที่ OOR ได้ซ่อนความย้อนแย้งนี้เอาไว้ระหว่างคำว่า Stand Out (โดดเด่น) และ Fit in (กลมกลืน) ในชื่อเพลง
ผลของความโดดเด่นล้วนเป็นดาบสองคม เหตุเพราะอีกด้านของมันคือความโดดเดี่ยว ความแตกต่างมักผลักเราออกจากกลุ่มคนอยู่เสมอ การหาจุดสมดุลระหว่างตัวตนที่เราเป็น กับตัวตนที่สังคมคาดหวังให้เราเป็นจึงไม่ง่ายนัก
ส่วนหนึ่งเพราะเข้าใจเรื่องการรักษาตัวตนผิดไป อุ้มชูแต่ความพอใจส่วนตัวจนกลายเป็นถืออัตตา เมื่อเรารู้สึกเฉยชาต่อสังคม ความขัดแย้งกับคนรอบข้างย่อมเกิดขึ้นไม่จบสิ้น กลายเป็นชีวิตอันร้อนรุ่มหาความสงบทางใจไม่ได้เลย
กับคนบางส่วนกลับยอมทิ้งตัวตนไปทั้งหมด ฝืนทนไปตามที่ผู้คนรอบข้างขีดเส้นเอาไว้ให้ ปลายทางที่เห็นได้มีแต่การเกลียดชีวิตตัวเองที่ดำเนินไปในแต่ละวัน เมื่อความขัดแย้งในใจบานปลายจนรับไม่ไหว ชีวิตก็เหลือแค่เปลือกสวยๆให้คนอื่นชื่นชม จิตวิญญาณภายในกลับแห้งตายไปก่อนเวลาเสียแล้ว
คำถามใหญ่จึงเกิดขึ้นเมื่อเรากำลังเสี่ยงกับวิกฤตเช่นนี้
เรากำลังอยู่ถูกที่ถูกทางแล้วหรือเปล่า?
Peter F. Drucker บิดาแห่งวิชาการจัดการองค์กร ได้เขียนหนังสือ ปัญญางาน จัดการตน (Managing Oneself) ระบุใจความอันเป็นวัตถุประสงค์ของหนังสือเล่มนั้นเอาไว้ว่า "เพื่อให้เราค้นพบที่ทางของตน"
คำถามอันสำคัญที่ตั้งเอาไว้มีเพียง 3 ประการ
ผลของการละเลยคำถามทั้ง 3 ข้อมีตัวอย่างให้เราเห็นอยู่มากมาย ชีวิตของพวกเขาดูทรมานและต้องดิ้นรนอย่างน่าใจหาย ไม่ใช่เพราะไร้ความสามารถ แต่เป็นเพราะหาที่ทางของตัวเองไม่เจอ กลายเป็นต้นไม้ที่อยู่ผิดดินจนหมดโอกาสเติบใหญ่ไปเสียก่อน
เมื่อเราอยู่ถูกที่ถูกทางแล้ว แรงปรารถนาและพลังกายพลังใจจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มที่ ทรัพยากรชีวิตที่จ่ายไปดูจะคุ้มค่ากว่าเป็นไหนๆ ยิ่งคุณค่าเหล่านั้นเกิดขึ้นกับทั้งตนเองและส่วนรวมไปด้วยกัน ผลตอบแทนย่อมคุ้มเหนื่อยเป็นทวีคูณ
แต่กระนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไปเสียหมด สิ่งเป็นพิษระหว่างชีวิตในแต่ละวันยังกดดันและบั่นทอนกำลังของเราได้ตลอดเวลา อาจเป็นเรื่องความเจ็บป่วย นิสัยน่าเบื่อหน่ายจากคนรอบข้าง หรือเหตุการณ์แย่ๆที่พาเราหม่นหมองอ่อนล้า
เช่นเดียวกับใน MV ที่แม้ Hao จะยอมรับและปลดปล่อยตัวตนที่เขาเป็นออกมา เคลื่อนไหวร่ายรำด้วยท่วงท่าที่ตัวเองคุ้นเคย สังคมรอบข้างยังบีบเค้นให้เขาต้องเต้นไปตามแบบที่คนอื่นเขาทำกันอยู่เช่นเดิม
ด้วยเหตุนี้แล้ว การอยู่ให้ถูกที่ถูกทางของผู้คนจึงไม่ใช่แค่หาพื้นที่ปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียว มันยังหมายถึงการพักฟื้นแบตเตอรี่ของชีวิตเราอย่างถูกที่ถูกทางด้วย
กับใครบางคนอาจหมายถึงการท่องเที่ยว บางคนเป็นหนังสือดีๆสักเล่ม อาจเป็นครอบครัว สัตว์เลี้ยง หรือใครสักคนที่เข้าใจถึงตัวตนของเราดี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อล้างพิษออกจากชีวิตและฟื้นฟูจิตวิญญาณ
เช่นเดียวกับตอนจบของ MV เมื่อ Hao ได้กลับไปพบกับแม่ เธอผู้ที่ยังยิ้มให้เขาได้อยู่เสมอ ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เขายังเป็นเด็กน้อยคนเดิมที่เธอรู้จักเสมอมา
เมื่อเราพบที่ทางเพื่อรังสรรค์ชีวิตตามแรงปรารถนา รู้จักการประคองจังหวะของช่วงชีวิตได้เหมาะสม รวมถึงหาที่ทางสำหรับพักฟื้นได้ครบถ้วนแล้ว ชีวิตจะดำเนินไปได้ง่าย เปล่งประกายและโดดเด่นโดยไม่ต้องเสแสร้งเป็นคนอื่นนัก
ยิ่งความโดดเด่นนั้นสร้างคุณค่าให้ตัวเราและคนรอบข้างไปพร้อมกันแล้ว ความแปลกแยกย่อมคลายตัวลงไปเอง เราจะพบจุดสมดุลระหว่างตัวตนและสังคมได้ในที่สุด
ถือเป็นนิยามของชีวิตอันโดดเด่น (Stand Out) และกลมกลืน (Fit In) ที่เรายังต้องค้นหามันให้เจอในสักวันหนึ่งนั่นเอง
This website stores cookies to improve your website experience
Including allowing us to provide proposals Promotional activities Choose the content that suits you personally
Write comment