Episode 15 : สภาวะการหายใจของ KLys Heart

ให้ฉันแนะนำคำว่า " KLys Beat" (ออกเสียงว่า 'เค-ลิส-บีท') - คำศัพท์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อแนะนำวิธีเคลื่อนไหวร่างกาย จิตใจ และพลังงานผ่านการหายใจตามธรรมชาติ รูปแบบนี้ช่วยให้เข้าถึงการฝึกสมาธิได้ง่าย และเตรียมพร้อมเข้าสู่สภาวะจิตใจที่มีพลังหรือสภาวะจิตประจำวันได้อย่างราบรื่น โดยไม่สูญเสียการไหลเวียนนั้นไป!

ดังนั้น ควรฝึกฝนรูปแบบนี้เพื่อสร้างคลื่นสมดุลอย่างต่อเนื่องในชีวิตของเรา มีคลื่นลมหายใจมาตรฐาน 4 รูปแบบให้ฝึกฝน:

1. การบานของหัวใจ

"เพิ่มความแข็งแรงของสุขภาพกายและสุขภาพจิต ก่อให้เกิดความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย"

· รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำ และอวัยวะทั้งหมดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย (เร่งอัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนของเลือด ในขณะที่กระดูกและกล้ามเนื้อค่อย ๆ รู้สึกแข็งแรงขึ้น)

· นั่งตรงด้วยท่าทางสงบนิ่ง ยิ้มด้วยความรักและความเมตตา (หน้าผากจะผ่อนคลายโดยธรรมชาติ)

· ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยไม่ตึงหรือเกร็งส่วนใดของร่างกาย...หลับตา...และค่อย ๆ หายใจเข้าด้วยท้อง...ค่อย ๆ จนท้องพองออก

· หุบปาก กลั้นลมหายใจ และนับเงียบๆ 1-4 ด้วยจิตใจที่วังเปล่าและโปร่งโล่ง

· จากนั้น ค่อย ๆ หายใจออกทางจมูก โดยปล่อยลมหายใจให้ คลื่นพัดเหมือนสายลมแสนนุ่มนวล ช้า ๆ อย่างนุ่มนวลจนท้องค่อย ๆ ยุบลง

1.    การพองของหัวใจ

"เพิ่มความสดชื่น ความกระชุ่มกระชวย ความรุ่งเรือง สร้างแรงบันดาลใจใหม่"

· เริ่มต้นด้วยการหายใจ "การบานของหัวใจ"

· จากนั้นค่อยๆ หายใจออกทางปากจนท้องยุบลง (ขั้นตอนนี้คือการหายใจด้วยหัวใจที่ขยายตัวเพื่อบรรเทาความเหน็ดเหนื่อย)

· เมื่อร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จบด้วยการหายใจ "การบานของหัวใจ"

2.    วงแหวนสายรุ้ง "หัวใจประกายรัศมี"

"เพิ่มความแน่นหนา สร้างความมั่นใจอย่างมั่นคง"

· เริ่มต้นด้วยการหายใจ "การบานของหัวใจ" หายใจออกทางจมูก

· ตามด้วยการหายใจ "การพองของหัวใจ" หายใจออกทางปาก

· เมื่อร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จบด้วยการหายใจ "การบานของหัวใจ"

 

4.    วงแหวนนักรบ "หัวใจเข้มแข็ง"

"ปลุกพลังงานศักยภาพ สร้างความรู้สึกแปลกใหม่น่าประหลาดใจ"

· เริ่มต้นด้วยการหายใจ "การบานของหัวใจ" หายใจออกทางจมูก

· รู้สึกถึงพลังงานที่เคลื่อนไหวในบริเวณหน้าอก พร้อมกับความรู้สึกเมตตา ขับไล่พลังงานเก่าออกทางรูขุมขนทั่วร่างกาย (เตรียมพร้อมรับพลังงานใหม่ๆ ที่ดี)

· เมื่อผ่อนคลาย ให้หายใจเข้าและออกอย่างรวดเร็วผ่านปาก แบบตื้นๆ (ยังคงรู้สึกถึงการพองและยุบของท้อง)

· ทำซ้ำ 3-4 ครั้ง

· จบด้วยการพักในความสงบร่วมกับการหายใจ "การบานของหัวใจ"

 

KLys Code

การหายใจด้วยท้องเป็นวิธีลดความเครียดและคลายความตึงเครียดของร่างกาย มันยังช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ปวดคอ และปวดหลังได้

ดังนั้น หากบุคคลต้องการมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงและสมดุล ควรฝึกการหายใจด้วยท้องเป็นประจำ เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายผ่านการหายใจอย่างถูกวิธี และสิ่งสำคัญที่สุดคือ 'ลำไส้' ของบุคคลชอบการหายใจด้วยท้อง มันช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากขึ้น ลองดูสิ!

จุดสำคัญที่ควรจดจำ!

1. สำหรับแต่ละรูปแบบการหายใจ บุคคลควรฝึกฝนการควบคุมการไหลของลมหายใจซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะถึงจุดที่น่าพอใจ หลังจากนั้น พวกเขาสามารถหยุดฝึกตามสัญชาตญาณของตน เราเน้นคุณภาพของความรู้สึก โดยมุ่งเน้นการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ไม่ใช่ระยะเวลา! (ในช่วงแรกของการฝึก บุคคลสามารถนับ 1-2-3...+ ถ้าจิตใจของพวกเขาพลั้งเผลอหรือลืมได้ ในกรณีเช่นนั้น พวกเขาควรเริ่มนับใหม่ทันที!)

2. ไม่จำเป็นต้องคิด หรือปล่อยให้ความคิด เคลื่อนไหวอย่างอิสระโดยปราศจากการบังคับ ในที่สุดความคิดทั้งหมดจะค่อย ๆ จางหายไปเองโดยธรรมชาติ ควรมุ่งสมาธิไปที่การเป็นหนึ่งเดียวกับตนเอง ฝึกฝนเพื่อรู้สึกเบาและลอยล่อง ปล่อยให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นตามธรรมชาติภายในตน หน้าที่เพียงอย่างเดียวคือการรู้สึก ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ มันจะกลายเป็นสภาวะจิตตั้งมั่นที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

 

3. บุคคลควรเรียนรู้รูปแบบ "จิตลอยล่อง" ให้ชำนาญก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มระดับความเข้มข้นของการฝึกหายใจ (เพื่อป้องกันการลอยออกจากโซนลอยล่อง และเพื่อรับออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด)

4. ในระหว่างการฝึก บุคคลสามารถเปิดหรือปิดตาได้ตามความสะดวก (หากไม่ต้องการให้สภาพแวดล้อมภายนอกรบกวนกระแสความคิด แนะนำให้ปิดตา!)

5. ฝึกในสภาพแวดล้อมที่สะอาด โล่งโปร่ง และปลอดภัย ปราศจากมลพิษที่อาจขัดขวางการหายใจ และไม่มีปัจจัยภายนอกใดมารบกวนการฝึกหายใจ หรืออาจฝึกในพื้นที่ที่มีโอโซนสูงก็ได้

6. ในชีวิตประจำวัน บุคคลสามารถฝึกการหายใจเพื่อบ่มเพาะ 'จิตสำนึกแห่งความรัก' ได้ทุกเมื่อ ในทุกสถานการณ์อันประเสริฐเมื่อพวกเขานึกถึง! (เว้นแต่พวกเขาปรารถนาความสงบอย่างลึกซึ้ง ในกรณีนั้นพวกเขาสามารถนั่งสมาธิในท่าตรงเพื่อควบคุมการไหลของพลังงานชีวิตได้ง่ายขึ้น)

7. ในขณะนั่งสมาธิ บริเวณท้องควรรู้สึกเบา ปราศจากอาหารที่ย่อยยาก ซึ่งอาจขัดขวางการไหลเวียนของพลังงานชีวิตที่วิ่งผ่านลมหายใจ

8. ระหว่างการนั่งสมาธิ จิตใจต้องตื่นตัวอยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติ ตื่นรู้แม้กับการปิดตา - ไม่ใช่ในสภาวะง่วงซึม เพราะจะไม่ใช่การทำสมาธิเคลื่อนไหวที่ช่วยฟื้นฟูและเติมเต็มพลังงาน

9. ขณะปฏิบัติสมาธิ บุคคลควรหลีกเลี่ยงให้พัดลมพัดโดยตรงที่ร่างกาย เพราะอาจทำให้เกิดความไม่สบายร่างกายในภายหลังได้ เว้นแต่จะเป็นสายลมธรรมชาติที่แสนนุ่มนวล

10. บุคคลสามารถฝึก 'จิตสำนึกแห่งความรัก' ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเมื่อใดก็ได้ตามความสะดวก (ยิ่งฝึกมากเท่าไร พวกเขาก็จะมีความมั่นใจ พลังอำนาจ ความตั้งใจมั่น และการควบคุมพลังภายในของตนเพิ่มขึ้นเท่านั้น)

11. บุคคลสามารถฝึก 'การดูดซับสมาธิ' โดยสมดุลพลังชีวิตผ่านการนั่งสมาธิเมื่อใดก็ได้ตามความสะดวก (พวกเขาควรรักษาจิตใจให้สงบมั่นคงอย่างเข้มแข็ง จินตนาการว่าความตระหนักของพวกเขาแผ่รัศมีความชัดเจนเหมือนอารมณ์ผสานรวมกับร่างกาย ปราศจากความกลัวต่อความตาย)

12. เมื่อบุคคลปฏิบัติสมาธิและมีสติอย่างสม่ำเสมอ ภาพกระตุ้นการมองเห็นหรือ "ดวงไฟหิ่งห้อย" จะค่อยๆ ปรากฏให้พวกเขาเห็น สีเดียวแล้วสองสี ตามกำลังการปฏิบัติของพวกเขา สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับจิตสำนึกดั้งเดิมที่เคยเก็บรักษาไว้ในคลังสมบัติส่วนตัว หากพวกเขาสามารถรวมแสงสว่างแห่งจิตสำนึกรักไว้บ่อยๆ ไปนานๆ มันสามารถแสดงสีอื่นๆ โดยไม่ยาก แสงสว่างนั้นยังสามารถนับชีพจรได้ด้วย ทำให้พวกเขาสังเกตสัญญาณได้ชัดเจนและนานขึ้น หลังจากการฝึกนานพอ ภาพกระตุ้นการมองเห็นหรือ "ดวงไฟหิ่งห้อย" จะสามารถส่องแสงและนับชีพจรให้ตาของพวกเขาเห็นได้ควบคู่ไปกับการมองเห็นภายใน บ่งบอกถึงสัญญาณบางอย่างในช่วงเวลาปัจจุบันนั้น!

หมายเหตุ: การแสดงออกหรือการเปลี่ยนแปลงของพลังงานเกิดขึ้นในพริบตา


View : 0

Share :


Write comment