ตอนที่ 8 : Chapter 7: AI and Automation: การทำงานอัตโนมัติในยุค AI

Chapter 7: AI and Automation: การทำงานอัตโนมัติในยุค AI

การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบันไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรและไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการขับเคลื่อนด้วย AI และ ระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างรุนแรง ในบทนี้เราจะสำรวจว่าการทำงานอัตโนมัติในยุค AI นั้นมีบทบาทอย่างไร และผลกระทบต่อแรงงานและอุตสาหกรรมในปัจจุบันและอนาคตเป็นอย่างไร

7.1 การทำงานอัตโนมัติ (Automation) คืออะไร?

Automation หมายถึงกระบวนการหรือระบบที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ การทำงานอัตโนมัติสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในระดับการทำงานที่ง่ายและซับซ้อน เช่น การใช้หุ่นยนต์ในการผลิตสินค้าหรือการใช้ระบบ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจ

ในอดีตการทำงานอัตโนมัติถูกจำกัดอยู่ในภาคการผลิตและอุตสาหกรรมหนัก เช่น การใช้เครื่องจักรในโรงงานเพื่อผลิตสินค้าหรือประกอบชิ้นส่วน แต่ในยุคปัจจุบันการทำงานอัตโนมัติได้ขยายตัวไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึงการบริการ การแพทย์ การเงิน และการขนส่ง

7.2 การทำงานอัตโนมัติในยุค AI

AI ได้เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบอัตโนมัติ ทำให้การทำงานไม่จำกัดอยู่แค่การทำซ้ำหรือกระบวนการที่คาดเดาได้ แต่ AI ยังสามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการเรียนรู้จากข้อมูลในอดีต ตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานอัตโนมัติที่ใช้ AI มีดังนี้:

หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมการผลิต (Industrial Robots): ในอุตสาหกรรมการผลิต หุ่นยนต์ที่ควบคุมโดย AI สามารถประกอบชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ ตรวจกระบวนการผลิต และทดสอบผลิตภัณฑ์ได้โดยอัตโนมัติ เช่น โรงงานของ Tesla ที่ใช้หุ่นยนต์ในการประกอบรถยนต์ ซึ่งทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น

การทำงานอัตโนมัติในภาคการเงิน (Financial Automation): AI ช่วยในการทำงานด้านการเงิน เช่น การซื้อขายหุ้นอัตโนมัติ การวิเคราะห์แนวโน้มทางการตลาด และการตรวจสอบธุรกรรมที่มีความเสี่ยง หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตัดสินใจซื้อขายหุ้นในระยะเวลาที่สั้นที่สุดและประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ

การวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ (Medical Data Analysis): ในวงการแพทย์ AI ช่วยให้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถตรวจสอบและวินิจฉัยโรคได้โดยอัตโนมัติ เช่น การตรวจจับมะเร็งจากภาพถ่ายทางการแพทย์ หรือการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมเพื่อการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

การขนส่งและโลจิสติกส์อัตโนมัติ (Autonomous Transportation and Logistics): การขนส่งและโลจิสติกส์เป็นอีกภาคส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจาก AI และระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Waymo และ Tesla ที่สามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องใช้คนขับ หรือการใช้ AI ในการจัดการคลังสินค้าและการขนส่งเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด

7.3 ผลกระทบต่อแรงงานจากการทำงานอัตโนมัติ

แม้การทำงานอัตโนมัติที่ใช้ AI จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดต้นทุนลงได้อย่างมาก แต่ก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับผลกระทบต่อแรงงาน เนื่องจากงานบางประเภทที่ซ้ำซ้อนและต้องทำโดยมนุษย์อาจถูกแทนที่ด้วย AI หรือหุ่นยนต์

  • การลดลงของแรงงานในงานที่ต้องทำซ้ำ: งานที่เป็นงานซ้ำซาก เช่น การประกอบชิ้นส่วน การผลิตในโรงงาน หรือการให้บริการที่มีรูปแบบเดียวกัน เช่น การบริการลูกค้าในระดับพื้นฐาน จะมีแนวโน้มถูกแทนที่ด้วย AI และหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่า
  • ความต้องการแรงงานที่มีทักษะสูงขึ้น: แรงงานที่สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI หรือมีทักษะในด้านเทคโนโลยีจะมีโอกาสมากขึ้น การฝึกฝนแรงงานให้สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้จะเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

งานวิจัยจาก World Economic Forum (WEF) ระบุว่า ในขณะที่ AI จะทำให้บางอาชีพหายไป แต่ก็จะสร้างอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วย โดยในปี 2025 AI และระบบอัตโนมัติอาจสร้างงานใหม่กว่า 12 ล้านตำแหน่งทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนา AI และการบริหารจัดการเทคโนโลยีใหม่ ๆ


สรุปบทที่ 7: AI และระบบอัตโนมัติได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และกำลังจะกลายเป็นหัวใจหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังส่งผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ การเตรียมความพร้อมในด้านการพัฒนาทักษะแรงงานและการกำหนดนโยบายเพื่อรองรับผลกระทบทางสังคมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

ในบทถัดไป เราจะสำรวจ AI for Data Science ซึ่งเป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญที่ AI มีต่อการวิเคราะห์ข้อมูลในยุคดิจิทัล และวิธีที่ AI ช่วยให้การจัดการข้อมูลและการทำงานทางวิทยาศาสตร์ข้อมูลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


อ่าน : 0

แชร์ :


เขียนความคิดเห็น