Barcode : 9786164031005
ISBN : 9786164031005
Year of print : 1 / 2565
Size ( w x h ) : 145 x 210 mm.
Number of pages : 192 Pages
Book category : อนามัยส่วนบุคคล
ศ. ดร. พญ.อรพรรณ โพชนุกูล (หมอแอน) เจ้าของเพจ Asthma Talks by Dr.Ann และ ภูมิแพ้ก็แพ้เรา ถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการภูมิแพ้จนเกิดเป็นเล่มนี้ขึ้น เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้ที่เป็น (หรือมีแนวโน้มที่จะเป็น) ภูมิแพ้ โดยรวบรวมสาระสำคัญในการเอาชนะภูมิแพ้ไว้อย่างครบถ้วน ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ด้วยภาษาที่เป็นกันเอง เสมือนมีคุณหมอคอยเป็นที่ปรึกษาในชีวิตประจำวัน คุณหมอเน้นย้ำอยู่เสมอว่า “การใช้ชีวิตที่สมดุล ทั้งการกิน การนอน การพักผ่อน และการออกกำลังกาย ช่วยให้ห่างไกลจากภูมิแพ้ได้จริงๆ”
คำนำ : แล้วภูมิแพ้ จะแพ้เรา!
เมื่อหมอภูมิแพ้กลายเป็นคนไข้
หากเปรียบภูมิแพ้เป็นกับดัก เราทุกคนก็เหมือนเดินอยู่บนเชือกเส้นบางๆ พร้อมจะหล่นลงไปติดกับตอนไหนก็ได้โดยไม่รู้ตัว หากเปรียบภูมิแพ้เป็นคู่ต่อสู้ ภูมิแพ้เป็นเหมือนนักรบประเภทซุ่มโจมตี กว่าเราจะรู้ตัวก็พลาดท่าเสียแล้ว... เดินเข้าร้านขายยาเป็นว่าเล่น กินยาแก้แพ้แก้อาการที่ปลายเหตุ หารู้ไม่ว่านั่นนอกจากเราจะแพ้อากาศ แพ้ฝุ่น แพ้ควัน แพ้สารพัดสิ่งแล้ว ในอีกทางหนึ่งก็เป็นตัวเราเองที่ยอมแพ้ หากเรายังไม่ลองแก้ปัญหาให้ครอบคลุมถึงต้นตอเสียก่อน
ใช่ค่ะ! ภูมิแพ้เป็นง่าย อาจต้องใช้ยา แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีโอกาสชนะเอาเสียเลย
หมอเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยแพ้อย่างหมดท่าให้เจ้าโรคที่ไม่ใช่โรคใหม่อย่างภูมิแพ้ และไม่ได้แพ้เล่นๆ เสียด้วย แต่รุนแรงถึงขั้นรบกวนคุณภาพชีวิต การเรียน การงาน การกิน การนอน เรียกว่าเรรวนไม่เป็นท่า ย้อนกลับไปสมัยยังเป็นวัยเรียน นักศึกษาแพทย์อรพรรณใช้เวลายี่สิบกว่าปีแรกของชีวิตอยู่กับสายลม แสงแดดต่างจังหวัด ใช้เวลาวัยเด็กวิ่งเล่นอยู่ในสวน เล่นขายของอยู่ตามพื้นทราย สนามหญ้า เด็กหญิงคนนั้นมีร่างกายแข็งแรงเสมอมา และคนในครอบครัวไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้เลย แต่เพียงเวลาไม่ถึงปีกลับถูกโจมตีให้แพ้นั่นแพ้นี่ กินยาแก้แพ้ทีเป็นกำๆ เพราะลมพิษขึ้น ไซนัสอักเสบ แพ้อากาศจนจมูกบวมต้องไปจี้บริเวณที่บวมให้ยุบอยู่เป็นประจำ นอนโรงพยาบาลปีละสามถึงสี่ครั้ง และเคยพังถึงขั้นเกือบต้องผ่าตัดเพราะจมูกบวมจนเอาไม่อยู่ โชคดีที่มีหมอรุ่นพี่คนหนึ่งเตือนสติไว้ว่า...
“หมอแอนไม่ต้องผ่าจมูกหรอก แค่นอนเยอะๆ ก็พอ”
นั่นคือประโยคเปลี่ยนชีวิตเลยก็ว่าได้... ช่วงที่ย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางที่กรุงเทพฯ เป็นช่วงที่หมอเร่งรีบกับชีวิตมาก ใจคิดแต่ว่าอยากเป็นศาสตราจารย์เร็วๆ จึงทำงานตลอดเวลา ไปไหนมาไหนจะพกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเสมือนเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกาย แน่นอนว่าเครียด นอนไม่เป็นเวลา และบ่อยครั้งก็ไม่นอน ประจวบกับเป็นจังหวะที่เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ เจอฝุ่นควันมากกว่าเดิม ทำให้ร่างกายตอบสนองออกมาค่อนข้างรุนแรง เสียงเตือนจากร่างกายดังขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่หมอตัดสินใจหักดิบและจับเข่าคุยกับตัวเองว่าเราต้องใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น
เราเป็นหมอ เราเข้าถึงตำราการแพทย์มากมาย มีประสบการณ์รักษาคนไข้มานับไม่ถ้วน และจะสอนนักศึกษาแพทย์อีกไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น แต่ลึกๆ เราไม่ได้อยากเป็นแค่หมอจากตำราวิชาการ เราอยากทำมากกว่าการสั่งยาหรือตรวจคลื่นหัวใจ จะดีกว่าไหมหากหมอ “ทำ” และ “เป็น” ได้มากกว่านั้น
ตอนนั้นตั้งเป้าเลยว่า ไม่เอาแล้วภูมิแพ้ ไม่ยอมแล้วภูมิแพ้... ไม่อยากเป็นแล้วคนแพ้ แต่จะเป็นคนที่เข้าใจและใช้ชีวิตอยู่เหนือภูมิแพ้ให้ได้
แล้วหมอก็ทำสำเร็จกับสุขภาพของตัวเอง!
...จะดีกว่าไหมหากหมอ “ทำ” และ “เป็น” ได้มากกว่านั้น คำถามนี้วนกลับมาอีกครั้ง คงจะดีไม่น้อยหากหมอคนหนึ่งสามารถเป็น “ไอดอล” ของคนไข้ คงช่วยใครได้อีกหลายคน หากหมอเขียนชีวิตของตัวเองออกมาเป็นหนังสือสักเล่ม ให้คำแนะนำแก่คนไข้แล้วการันตีอย่างจริงใจว่า หมอทำมาแล้ว และมันใช่!
นั่นคือแรงผลักดันให้หมอบอกเล่าประสบการณ์ผ่านหน้าจอและหน้ากระดาษ เพื่อให้คนอ่านไม่ต้องกลายมาเป็นคนไข้ อ่านแล้วคนขี้แพ้ทั้งหลายกลายเป็นคนที่เข้าใจว่า ภูมิแพ้ดีขึ้นได้ เพียงเราใส่ใจ ให้โอกาสตัวเองเป็นคนใหม่ในแบบที่ดีขึ้น... และดีที่สุด
เริ่มจากฟังเสียงของร่างกาย เลือกใช้ตัวช่วยที่ใช่ ปรับไลฟ์สไตล์... แล้วเราจะไม่พ่ายให้ภูมิแพ้
ศ. ดร. พญ.อรพรรณ โพชนุกูล