ราคารวม : ฿ 0.00
Where the Crawdads Sing : ปมรักในบึงลึก
หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายที่มีฉางดงามมากเรื่องหนึ่งเลย สำหรับท่านใดที่ชอบแนวธรรมชาติวิทยานวนิยายเรื่องนี้น่าจะถูกใจท่านแน่ จริง ๆ แล้วผมได้เคยดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์มาก่อน พอมาได้อ่านหนังสือทำให้ได้เห็นภาพของฉากในเนื้อเรื่องได้ชัดมากขึ้น โดยฉากในเรื่องเป็นภูมิประเทศแถบหนึ่งในชายฝั่งทะเลของประเทศอเมริกา เป็นพื้นที่ลุ่มชื้นแฉะ หนองบึง พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีระบบนิเวศเฉพาะตัวซึ่งยังคงดำรงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็คงเป็นแถว ๆ ป่าชายเลนนั้นเอง
“กระท่อมของคยาอยู่หลังดงปาล์ม ซึ่งขึ้นกระจักระจายทั่วพื้นที่ราบที่เป็นทรายไปจนถึงลากูนที่เห็นสีเขียวคดโค้งคล้ายสร้อยคอ และจากที่เห็นดงปาล์มขึ้นทั่วที่ลุ่มชื้นแฉะที่ไกลออกไปไกลลิบๆ ต้นหญ้าใบคมกริบทรหดที่เติบโตได้ในน้ำเค็มขึ้นเป็นแนวยาวหลายไมล์ มีเพียงต้นไม้ที่ลู่โค้งตามแรงลมขึ้นแทรกสลับ ดงต้นโอ๊กหนาแน่นล้อมรอบอีกด้านของกระท่อม และเป็นที่พึ่งพิงแก่ลากูนที่ใกล้ที่สุด ซึ่งมีสิ่งมีชีวิตมากมายจนผิวน้ำปั่นป่วน อากาศเจือกลิ่นเค็มเคล้าด้วยเสียงร้องของนกนางนวลลอยเอื่อยผ่านหมู่ไม้มาจากทะเล”
(จากหน้า 10)
นวนิยายเดินเรื่องผ่านตัวละครเด็กหญิงที่ชื่อ “คยา” เด็กน้อยที่มีช่วงชีวิตวัยเยาว์ที่น่าสงสาร เริ่มต้นจากเธอถูกผู้เป็นแม่ทิ้งไปตั้งแต่เธอยังเล็ก แล้วพี่น้องทุกคนก็หนีออกจากบ้านตามไปหมด ปล่อยเธอทิ้งไว้อยู่กับพ่อที่มีอารมณ์ร้าย ฉุนเฉียวและมึนเมาไปด้วยกลิ่นเหล้าอันคะคลุ้ง แล้ววันหนึ่งผู้เป็นพ่อก็จากไป ปล่อยทิ้งให้คยาต้องอยู่คนเดียว ภายในบ้านหลังเก่าของเธอที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
คยาไม่ได้เข้าเรียนหนังสือ เธอดำรงชีวิตด้วยการหาหอยนางรมเอาไปขายให้แก่จั๊มปิ้น ชายผิวสีผู้ใจดีที่คอยชวยเหลือเธอตลอด เขาเป็นเจ้าของท่าเรือเติมน้ำมันและร้านขายของชำ ในบางครั้งเธอก็จับปลาเอามารมควันเพื่อไปขายให้เขาด้วย นอกจากนั้นเธอยังปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง เรียนรู้การทำอาหารกินเอง คยามีพรสวรรค์ในการวาดรูปและเข้าใจสรรพสิ่งตามธรรมชาติ เธอจึงใช้ชีวิตด้วยการโดดเดี่ยวของเองออกจากสังคม เพื่อให้ห่างไกลจากเสียงครหานินทาต่าง ๆ ที่เฝ้าประนามเรียกเธอว่า “เด็กบึง” และหลีกหนีให้ห่างจากคนผู้ซึ่งต่างรังเกียจและกีดกั้นเธอ
จุดเปลี่ยนของชีวิตคยาเกิดขึ้นเมื่อเธอเริ่มโตเป็นสาว มีผู้ชาย 2 คนเข้ามาในชีวิตของเธอ คนหนึ่งคือเทต วอล์กเกอร์ชายเป็นผู้ชายแสนดีที่สอนให้เธออ่านหนังสือ ส่วนคนคือเชส แอนดรูส์ ชายที่ปลอมตัวมาในรูปแบบคนรักที่หวังจะครอบครองร่างกายของเธอ จนทำให้วันหนึ่งเธอต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม ซึ่งเป็นกลายที่มาของชื่อเรื่องภาษาไทยที่ว่า “ปมรักในบึงลึก”
ส่วนชื่อเรื่องภาษาอังกฤษที่ว่า “Where the Crawdads Sing” ตามความเข้าใจของผม ถ้าแปลตามนัยยะตามเนื้อเรื่อง คำว่า Crawdads หมายถึงกุ้งเคย์ฟิชที่เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ส่วนที่บอกว่าสถานที่ซึ่งกุ้งเคย์ฟิชร้องเพลงนั้นหมายถึงบริเวณที่ห่างไกลซึ่งความงดงามของธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์อยู่ กุ้งเคย์ฟิชเวลาออกหากินมักจะใช้ก้ามหรือหนวดถูกันจนเกิดเป็นเสียงเฉพาะตัว ซึ่งถ้าใครฟังด้วยความสุนทรียะอาจฟังเป็นเสียงเพลงก็ได้
ความคิดเห็นส่วนตัวหลังจากอ่านเรื่องนี้แล้ว ผมคิดว่าเป็นนวนิยายที่งดงามเรื่องหนึ่งเลย แม้ว่าในความเป็นจริงยากจะเชื่อว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวคนเดียวจะอยู่รอดท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างไร? แต่อ่านไปก็เชื่อเพราะความเป็นนิยายซึ่งอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น พอผมอ่านจนจบเรื่องแล้วมาอ่านประวัติผู้เขียน จึงพอทราบว่านวนิยายเรื่องนี้ผู้แต่งตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติของชายฝั่งทะเลแถบนั้น ด้วยการนำเสนอชีวิตตามธรรมชาติที่งดงามยังไม่ถูกทำลาย เพื่อให้คนอ่านรู้สึกรักและหวงแหนธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นวิธีการอนุรักษ์ที่แยบยลด้วยการสร้างเรื่องราวทางวรรณศิลป์ขึ้นมา สร้างตำนานของ “คยา” ขึ้นมาเพื่อเล่าขาน โดยให้ตัวละครหลักของเรื่องทำหน้าที่เป็นผู้อนุรักษ์ธรรมชาติแทน
Where the Crawdads Sing : ปมรักในบึงลึก เขียนโดย DELIA OWENS แปลเป็นภาษาไทยโดยวรินทร์ วารีนุกูล จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ยูนิคอร์น ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ในเครือของบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) เดือนกรกฎาคม 2565 ฉบับปกอ่อน ความหนา400 หน้า ราคาปก 365 บาท มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป และที่ศูนย์หนังสือจุฬาทุกสาขา
Share :
Write comment